ผู้ประท้วงทั่วประเทศเมียนมาร์ได้นัดหยุดงานประท้วงตามท้องถนนทั่วประเทศและปิดกิจการหลายแห่งในการแสดงการต่อต้านกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดทั่วประเทศนับตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อสามสัปดาห์ก่อน

ฝูงชนรวมตัวกันในย่างกุ้งเนปิดอว์มั ณ ฑะเลย์และที่อื่น ๆ ในวันจันทร์แม้จะมีการคุกคามจากรัฐบาลทหารว่าจะใช้ความรุนแรงร้ายแรงต่อผู้ชุมนุมอีกครั้ง

การประท้วงดูเหมือนจะผ่านไปอย่างสงบแม้ว่าในเนปิดอว์รายงานทางโซเชียลมีเดียระบุว่ามีผู้ถูกควบคุมตัว 200 คนรวมถึงคนหนุ่มสาวจำนวนมาก หากได้รับการยืนยันนี่อาจเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การรัฐประหาร ภาพแสดงให้เห็นตำรวจไล่ตามผู้ประท้วงด้วยการเดินเท้าขณะที่ชายคนหนึ่งถูกผลักเข้าไปที่ด้านหลังของรถตู้ตำรวจ

นักเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการเดินขบวนประท้วงในวันจันทร์ซึ่งเป็นการประท้วงที่เรียกกันว่า“ การปฏิวัติห้าสองครั้ง” ซึ่งอ้างอิงถึงวันที่ 22.2.2021 ผู้ประท้วงได้เปรียบเทียบวันที่กับวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2531 หรือ 8.8.88 เมื่อการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยท้าทายการปกครองของทหาร แต่ถูกกองทัพบดขยี้อย่างไร้ความปราณี

ในการออกอากาศทาง MRTV ของรัฐเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมากองทัพกล่าวหาผู้ประท้วงว่า "ยุยงประชาชนโดยเฉพาะวัยรุ่นและเยาวชนที่มีอารมณ์ร่วมไปสู่เส้นทางการเผชิญหน้าที่พวกเขาจะต้องประสบกับการสูญเสียชีวิต"

ในเช้าวันจันทร์ผู้ประท้วงจำนวนมากเดินขบวนโดยไม่คำนึงถึง

ในย่างกุ้งเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมามีกลุ่มนักศึกษานักเคลื่อนไหวและคนงานมุ่งหน้าไปยังเจดีย์ซูเลซึ่งเป็นจุดชุมนุมใกล้ศาลากลางซึ่งกองกำลังรักษาความปลอดภัยได้วางเครื่องกีดขวางและปืนใหญ่น้ำ ธุรกิจส่วนใหญ่รวมถึงเครือข่ายระหว่างประเทศถูกปิดโดยผู้ประท้วงแทนที่จะแบ่งปันอาหารและเครื่องดื่ม

มินอายุ 41 ปีนักเดินเรือที่อาสาเก็บขยะกล่าวว่าการสังหารผู้ประท้วง 3 คนเมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้ประชาชนมีความมุ่งมั่นมากขึ้น “ ทหารต้องการให้เราโกรธและโจมตีพวกเขา” เขากล่าว “ ถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นสงครามกลางเมืองและ UN และ Nato จะไม่มีวันมาถึง เราจะดำเนินต่อไปอย่างสันติ เราแค่ต้องการผู้นำและประชาธิปไตยของเรากลับคืนมา เราพร้อมที่จะตายเพื่อสิ่งนั้น”

ที่ Hledan Junction ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดรวมตัวของผู้ประท้วงฝูงชนจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่การรัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์ ตำรวจปราบจลาจลเข้าแถวนอกสำนักงานสหประชาชาติในเมือง แต่ผู้คนจากไปโดยสมัครใจหลังจากร้องเพลงที่มีข้อความว่า“ ลาก่อนเราจะไป”

นอกจากนี้ยังมีการจัดงาน Rallies ในมั ณ ฑะเลย์ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมียนมาใน Myitkyina ทางตอนเหนือ Bhamo ใกล้ชายแดนจีนและในเมือง Pyinmana ทางตอนกลาง

ผู้คนทั่วประเทศต่างให้ความสำคัญกับการเรียกร้องของขบวนการอารยะขัดขืนซึ่งเป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นอย่างหลวม ๆ สำหรับ“ การปฏิวัติฤดูใบไม้ผลิ”

มีการเดินขบวนประท้วงเกือบทุกวันนับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ซึ่งบางครั้งก็มีผู้คนหลายแสนคนเดินไปตามถนนในเมืองใหญ่ ๆ คนงานจากทั่วประเทศรวมถึงพนักงานรถไฟแพทย์ครูพนักงานธนาคารและพนักงานในโรงงานได้หยุดงานประท้วงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการอารยะขัดขืนที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้ประเทศเป็นอัมพาต

ผู้เขียนและนักประวัติศาสตร์ Thant Myint-U กล่าวว่าหน้าต่างสำหรับการแก้ปัญหาอย่างสันติกำลังจะปิดลง “ ผลลัพธ์ในสัปดาห์ต่อ ๆ ไปจะถูกกำหนดโดยเพียงสองสิ่งคือเจตจำนงของกองทัพที่บดขยี้การประท้วงหลายครั้งก่อนหน้านี้และความกล้าหาญทักษะและความมุ่งมั่นของผู้ประท้วง (ส่วนใหญ่ในสังคม)” เขาเขียนบน Twitter

ผู้ประท้วงสามคนถูกสังหารในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมารวมถึงเด็กวัยรุ่นและชายหนุ่มที่ถูกสังหารในมั ณ ฑะเลย์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเมื่อตำรวจซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังแนวหน้าใช้กระสุนจริงเพื่อสลายฝูงชน กองกำลังรักษาความปลอดภัยยิงใส่รถพยาบาลขณะที่อาสาสมัครทางการแพทย์นำผู้บาดเจ็บออกไปพยานคนหนึ่งบอกกับ Guardian ขณะที่แก๊สน้ำตาถูกยิงเข้าไปในบ้านใกล้เคียง

ทอมแอนดรูว์ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในเมียนมาร์กล่าวว่าเขารู้สึกสยองกับการสูญเสียชีวิตในช่วงสุดสัปดาห์นี้ “ ตั้งแต่ปืนใหญ่น้ำไปจนถึงกระสุนยางไปจนถึงแก๊สน้ำตาและตอนนี้กองกำลังที่แข็งกระด้างยิงเข้าใส่ผู้ประท้วงอย่างสันติ บ้านี้จะต้องจบตอนนี้” เขากล่าว

 ผู้ประท้วงถือป้ายเรียกร้องให้ปล่อยตัวอองซานซูจีผู้นำพลเรือนที่ถูกควบคุมตัวระหว่างการประท้วงต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพในย่างกุ้ง ภาพถ่าย: Lynn Bo Bo / EPA

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาในเมืองหลวงของกรุงเนปิดอ Mya Thwate Thwate Khaing คนงานร้านขายของชำถูกตำรวจยิงเข้าที่ศีรษะ เธอได้รับการรักษาในผู้ป่วยหนักแต่เสียชีวิตวันที่ 20 หลังจากวันเกิดของเธอ

ผู้ประท้วงหลายคนเป็นคนหนุ่มสาวที่ไม่มีชีวิตในช่วงการลุกฮือในปี 2531 และยังเป็นทารกในระหว่างการประท้วงต่อต้านกองทัพครั้งล่าสุดในปี 2550 พวกเขาพบว่าประเทศของพวกเขาอาจถูกปกครองโดยนายพลที่กดขี่ไร้สาระอีกครั้ง

“ ย้อนกลับไปว่ามันจะแย่ขนาดนี้” โปรดิวเซอร์วิดีโอวัย 23 ปีกล่าวซึ่งกำลังประท้วงร่วมกับแร็ปเปอร์และศิลปินดิจิทัล “ พวกเขาได้เริ่มออกกฎหมายที่จะป้องกันการประท้วงและทำลายสิทธิของเราแล้ว”

อินเทอร์เน็ตดับซึ่งถูกกำหนดไว้ทุกคืนในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงเกิดขึ้นในเช้าวันจันทร์ส่วนใหญ่ในย่างกุ้งซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามที่จะป้องกันไม่ให้นักเคลื่อนไหวจัดระเบียบ

ในคืนวันอาทิตย์กองกำลังรักษาความปลอดภัยได้ตั้งเครื่องกีดขวางตามสถานที่สำคัญในเมืองรวมทั้งบนสะพานและบนถนนที่นำไปสู่สถานทูตต่างประเทศ รถบรรทุกยังขับไปรอบ ๆ เมืองด้วยการประกาศด้วยลำโพงที่ส่งเสียงดังว่าผู้คนไม่ควรเข้าร่วมการประท้วงในวันจันทร์และต้องปฏิบัติตามคำสั่งห้ามการชุมนุมตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

ทหารมีความชอบธรรมการรัฐประหารโดยอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่ามีการทุจริตอย่างกว้างขวางในการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนซึ่งได้รับรางวัลในการเลือกตั้งโดยสันนิบาตแห่งชาตินางอองซานซูจีเพื่อประชาธิปไตย เธอยังคงถูกกักบริเวณเช่นเดียวกับประธานาธิบดีวินมินต์

อย่างน้อย 640 คนถูกจับกุมถูกตั้งข้อหาหรือถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่การรัฐประหารตามที่สมาคมให้ความช่วยเหลืออิสระสำหรับนักโทษการเมือง 593 บางคนถูกคุมขัง

การรัฐประหารและการใช้ความรุนแรงร้ายแรงต่อผู้ประท้วงล่าสุดได้รับการประณามจากสหประชาชาติเช่นเดียวกับฝรั่งเศสญี่ปุ่นเยอรมนีสิงคโปร์และอังกฤษ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปซึ่งพบกันเมื่อวันจันทร์เพื่อหารือเกี่ยวกับการตอบสนองของพวกเขากล่าวว่าพวกเขาพร้อมที่จะใช้“ มาตรการที่ จำกัด ซึ่งกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการรัฐประหารของกองทัพและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของพวกเขา”